การเลือกแก้วไวน์ให้เหมาะกับประเภทเครื่องดื่ม

แก้วไวน์, แก้วแชมเปญ, Wine Glass

การเลือกแก้วไวน์ให้เหมาะกับประเภทเครื่องดื่ม

เมื่อคุณได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้ สุดหรู ที่มีการจัดวางอาหารและเครื่องดื่มไว้อย่างลงตัวพิถีพิถันทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นจาน ถ้วย ช้อน และแก้วขนาดต่างๆ จนบางทีคุณก็ยังงงว่า มันเอาไว้สำหรับใส่อะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้แก้วไวน์ที่ดูเหมือนว่าจะมีอยู่หลายแบบ หลายขนาดเหลือเกิน และเพื่อให้คุณได้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น บทความนี้เราจะอธิบายถึงวิธีการเลือกแก้วไวน์ให้เหมาะสมกับประเภทเครื่องดื่ม เพื่อคุณจะได้พูดคุยกับคนอื่นเข้าใจเมื่อใครพูดถึงเรื่องแก้วไวน์ในงานปาร์ตี้

ลักษณะทั่วไปของแก้วไวน์

แก้วไวน์(Wine glass) จะประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆของแก้วอยู่ 3 ส่วนด้วยกันคือ ส่วนถ้วยที่รองรับไวน์ (Bowl) ส่วนก้าน (Stem) และส่วนฐาน(Foot) มีลักษณะเป็นแก้วใสๆเพื่อให้เห็นสีของไวน์ได้อย่างชัดเจน ส่วนประกอบของแก้วไวน์ ทุกส่วนล้วนมีความสำคัญและส่งผลต่อรสชาติ กลิ่นและสัมผัสต่างๆ ของไวน์แต่ละชนิดซึ่งผู้ที่ชอบดื่มไวน์จะให้ความสำคัญกับการเลือกแก้วไวน์อย่างมาก

การเลือกแก้วไวน์ให้เหมาะกับประเภทเครื่องดื่ม

1. แก้วมาร์ตินี่ (Martini glass)

เป็นแก้วทรงสูงก้านยาวขอบแก้วกว้างบานออกถ้วยแก้วด้านบนกว้างด้านล่างแคบลงมามีอยู่ 2 ขนาดคือ ขนาดความจุ 2 -3 ออนซ์ และขนาดความจุ 3-4ออนซ์ นิยมใส่เครื่องดื่มประเภท Martini ค็อกเทล ที่จะต้องมีการผสมน้ำแข็งเขย่าแล้วเทใส่แก้วโดยไม่ใส่น้ำแข็งในแก้ว หรือนิยมนำมาใส่เหล้าที่มีความเข้มข้นสูงหรือใส่เหล้าเพียวๆ เวลาถือให้ถือที่ก้านโดยไม่ให้มือสัมผัสกับบริเวณถ้วย

2. แก้วบรั่นดี (Brandy / Snifter / Balloon glass)

เป็นแก้วรูปทรงอ้วนๆก้านสั้นเวลาจับจะใช้ฝ่ามืออยู่ใต้บริเวณถ้วยแก้วเพื่อให้เกิดการถ่ายเทอุณหภูมิความร้อนจากฝ่ามือไปที่แก้วทำให้เครื่องดื่มมีความอุ่นและหอม แก้วบรั่นดีนิยมใส่เครื่องดื่มบรั่นดีหรือเหล้าเพียวๆที่มีกลิ่นหอมๆ

3. แก้วทิวลิป แชมเปญ (Tulip Champagne glass)

แน่นอนว่างานปาร์ตี้ ก็จะต้องไม่พลาดกับแก้วชนิดนี้นั่นก็คือ แก้วแชมเปญ แก้วแชมเปญนั้นมีความจุประมาณ 6 – 7 ออนซ์ ลักษณะเป็นแก้วเรียวยาวทรงสูง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้ก๊าซระเหยออกจากแก้วได้น้อยที่สุด เพื่อให้ก๊าซหรือฟองอากาศอยู่ในแก้วได้นานที่สุด เพื่อคงความหวาน ซ่า ของแชมเปญแก้วโปรดของคุณให้คงรสชาติที่อร่อยนุ้มลึก ยิ่งหากรับประทานกับอาหารประเภทสเต็กปลา ชีส คานาเป้ก็เข้ากันได้อย่างดี

4. แก้วไวน์แดง (Red Wine glass)

เป็นแก้วที่เราพบเห็นได้บ่อยที่สุด เป็นแก้วที่มีขนาดถ้วยแก้วกว้างสูงก้านยาว ขนาดความจุประมาณ 8-10ออนซ์ เมื่อรินไวน์แดงใส่แก้วจะรินแค่เพียงไม่เกินครึ่งแก้ว เพียงพอต่อการดื่ม2-3ครั้งต่อแก้ว สาเหตุที่ต้องรินเพียงครึ่งเพราะเมื่อก่อนที่คุณจะดื่มไวน์แดงนั้นจะต้องมีการแกว่งแก้ววนๆเพื่อกระตุ้นให้กลิ่นหอมของไวน์แดงออกมา เพิ่มอรรถรสในการดื่มมากยิ่งขึ้น

5. แก้วไวน์ขาว (White Wine glass)

แก้วไวน์ขาวมีลักษณะของแก้วที่คล้ายกับแก้วไวน์แดงแต่มีขนาดถ้วยแก้วที่สั้นและเล็กกว่าเพื่อลดการถ่ายเทของอากาศ ขนาดความจุประมาณ 7 – 9 ออนซ์ ไวน์ขาวนั้นมีกลิ่นหอมในตัวของมันเองโดยไม่ต้องกระตุ้น ไวน์ขาวเป็นไวน์ที่มีรสหวานนุ่ม ดื่มแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า จิบได้เรื่อยๆ

6. แก้วค็อกเทล (Cocktail glass)

แก้วค็อกเทล ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่านิยมนำมาใส่เครื่องดื่มประเภทค็อกเทลที่เป็นเครื่องดื่มที่มีความเย็นอยู่แล้วเทใส่แก้วโดยไม่ใส่น้ำแข็งและดื่มทันทีที่เท ลักษณะแก้วก้านยาวถ้วยสั้นแต่ขอบแก้วกว้าง ขนาดความจะของแก้ว 6-7ออนซ์

7. แก้วร็อค /โอลด์แฟชั่น (Rock / Old Fasinoned glass)

แก้วร็อคอาจไม่ใช่แก้วไวน์ซะทีเดียวเพราะแก้วชนิดนี้นิยมนำมาใส่เหล้าเพียวๆ ที่วัยรุ่นมักเรียกว่า On the rock เป็นแก้วทรงโบราณที่ใช้กันมานานมากแล้ว แก้วชนิดนี้นิยมใช้ผสมเหล้าและใส่น้ำแข็งลงไปเป็นแก้วขอบกว้างไม่มีก้าน ดื่มสบายๆ ที่ทุกคนคุ้นเคย

8. แก้วพิลสเนอร์ (Pilsner glass)

คือแก้วที่นิยมนำมาใส่เบียร์เย็นๆนั่นเองค่ะ เป็นแก้วทรงก้นแคบขอบแก้วบานออกมีความจุของแก้วมากประมาณ10-14ออนซ์ เมื่อรินเบียร์แล้วฟองจะมาอยู่ที่ขอบแก้วน่าดื่มยิ่งขึ้น นิยมใช้ตามภัตตาคารหรือร้านอาหาร

9. แก้วเฮอลิเคน (Hurricane glass)

เป็นแก้วที่นิยมใช้สำหรับใส่ค็อกเทล และเครื่องดื่มพวกน้ำผลไม้ น้ำพรั้น เป็นรูปทรงเว้าโค้งก้านสั้นๆ ขนาดความจุประมาณ22ออนซ์ ซึ่งจะเน้นปริมาณของเครื่องดื่มให้ได้จำนวนมากนั่นเอง

10. แก้วแชมเปญ ซอสเซอร์ (Champagne Saucer glass)

แก้วไวน์แบบสุดท้ายในวันนี้ก็คือแก้วแชมเปญ ซอสเซอร์ ที่หลายคนคงจะเคยพบเห็นตามงานแต่งงานทั่วไปที่นิยมเรียงแก้วเป็นชั้นๆแล้วเทเครื่องดื่มสปาร์คกลิ้ง ไวน์ให้ไหลจากด้านบนลงมาข้างล่างมีสีเหลืองทองสวยงามเหมือนน้ำตก แก้วนี้ถึงจะชื่อว่าแก้วแชมเปญ ซอสเซอร์แต่ก็ไม่ได้นิยมนำมาใส่แชมเปญด้วยความที่มีลักษณะเหมือนแก้วค็อกเทลแต่ขอบแก้วกว้างกว่าเพื่อรองรับการวางเป็นชั้นๆนั่นเองค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับข้อมูลเรื่องวิธีการเลือกแก้วไวน์ให้เหมาะสมกับประเภทเครื่องดื่ม คงจะมีความรู้เพิ่มเติมกันมากขึ้นแล้ว ทีนี้ก็จะสามารถคุยได้อย่างผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการดื่มแบบไม่อายใครแน่นอนค่ะ

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


0
    0
    ตะกร้าสินค้า
    คุณยังไม่มีสินค้าในตะกร้าไปหน้าสินค้า